วันเสาร์

News:Communication and Information Sector's news service

UN launches new training course to help Asian developing countries use ICT
13-05-2008 (Bangkok)
© UNESCO

About sixty experts from around 30 countries in the Asia-Pacific region are taking part in a new initiative aimed at equipping government officials with the knowledge and skills they need to fully utilize the potential of ICTs to achieve national development goals.
Information and communications technologies (ICTs)

- from wireless technology to the Internet
- are widely accepted as powerful tools for enhancing human development. With access to ICT, people are able to find the information they need to improve their lives. However, without visionary policy makers and ICT savvy government officials the promise of a better future through the use of ICTs is unlikely to be realized. The initiative, called the Academy of ICT Essentials for Government Leaders
- A Modular Training Programme, is undertaken by the United Nations Asian and Pacific Training Centre for Information and Communication Technology for Development (UN-APCICT).
The Academy consists of a core ICT for development (ICT4D) curriculum that begins with ICT basics and progresses to more advanced topics. It is targeted primarily at policy makers in central, provincial and local governments; managers in the public sector; and ICT educators at public training institutes.
The first of three sub-regional Training of Trainers Workshops was held 14-19 April 2008 at the Administrative Staff College of India,
Hyderabad. It was followed by a workshop for Western and Central Asian participants from 5-10 May 2008 at UN-APCICT, Incheon, Republic of Korea.
The last workshop for South East Asian participants, will be held between 21-24 May 2008 at the University of Indonesia, Jakarta.
The workshops aim to solicit feedback from participants on the usefulness and relevance of the eight modules in the Academy prior to its official launch on 16 June, 2008, on the occasion of the UN-APCICT's second anniversary. The modules cover different areas, including the link between ICT and the Millennium Development Goals, ICT policy-making, and ICT project management and funding. In addition, the modules are designed to be delivered over a variety of multimedia platforms (the Internet, CD-ROM, etc.) as well as through classroom training. They are also being developed as open educational resources to make them more readily available to developing countries.
http://kreathapat.blogspot.com

5 Ways to Save Your Relationship

5 Ways to Save Your Relationship
Even though some breakups seem to come out of the blue, it can be just as painful, or even more so, when you and your partner no longer love one another. Is compromising or budging something neither of you will do because your are both equally bull-headed?
If you have that dreaded feeling that a break-up is around the corner, there are several things you can do in order to try to save the relationship.
1. Put an end to the blame game.
The blame often goes to the other partner when the relationship starts to sour. He never pays attention to what I say. She is always so cold towards me. Couldn't he do something nice for me once in a while? I might do more for her if she would just quit nagging me. Blaming the other party only causes defensiveness and does nothing to help the relationship. Begin to accept your partner for who they are instead complaining about who they are not.
2. Lose the neediness.
It is not healthy to always want your partner around to do things. One of the main reasons couples break up is dependency issues. You should understand that personal time away from each other is normal and healthy. If you want to be with your partner all of the time, take the hint -- you need to find some outside interests.
3. Do you communicate?
Communication is the key to a good relationship. When you find that the only way you communicate is through arguments, sarcastic comments, and snide remarks, it's time to stop because you are not communicating, you are merely being demeaning and disrespectful. Why speak to someone you love that way when you would not speak that way to your friends or colleagues?
4. Quit paying mind to false convictions.
Do you imagine negative scenarios related to what your partner is thinking about or doing? Are you listening to those voices in your head that tell you that your partner doesn't care when they do not drop everything the minute you need them? By listening to false beliefs you only poison your view of reality.
5. Do you listen well?
Do you pay attention to and take an interest in your partner's interests? Do you give them a fair chance by listening to their side of any disagreements you have? Sometimes the need to be right causes us to stop listening. When a problem comes up, try to talk in a normal voice and listen to what your partner has to say. You could be missing out on something very important -- and no, you do not always know everything.
There are some relationships that will never change, even if you follow the advice outlined here. If that is the case, then your relationship is really suffering and you probably need some time away from each other. Use this time to achieve clarity about your situation so you can finally make a decision as to what you really want.
thank you Author: Katie Wang articlesbase.com

http://kreathapat.blogspot.com

วันศุกร์

Holidays (วันหยุดสำคัญไฉน)

วันหยุด สำหรับชุมชนคนกินเงินเดือนนั้นมีความสำคัญเป็นอย่างมากซึ่งใน 1 สัปดาห์บางคนก็มีวันหยุด 1 วันบางคนก็มี 2 วัน ในแต่ละปีจะมีเทศกาลที่สำคัญๆสำหรับคนไทยและแต่ละภูมิภาคจะมีเทศกาลสำคัญๆไม่พร้อมกัน ชุมชนนี้จึงมีการวางแผนสำหรับวันหยุดเพื่อที่จะกลับไปถิ่นเกิดของตนเองเพื่อพบปะ พ่อ-แม่,พี่น้อง และญาติๆและร่วมสังสรรค์เฮฮาปาร์ตี้ ซึ่งโอกาสนี้มีปีละครั้งหรือสองปีครั้ง บางคนก็วางแผนสำหรับพาครอบครัวไปนอนพักแรมตามรีสอร์ท หรือไปเดินพักแรมตามสถานที่ที่ตนเองและเพื่อนพ้องตกลงกันไว้ ซึ่งธรรมเนียมนี้ชุมชนคนกินเงินเดือนจะออกทริปกันทุกปี และโอกาสในปีนี้ก็ใก้ลจะถึงและเรียกเทศกาลการท่องเที่ยวของชุมชนนี้ก็ว่าได้ เมืองไทยอากาศร้อนการออกท่องเที่ยวช่วงฤดูหนาวจะได้บรรยากาศมากที่สุดและช่วงปลายปีทุกปีเมืองไทยจะมีวันหยุดยาวต่อเนื่องหลายวันชุมชนนี้จึงถือโอกาสนี้นัดเพื่อนฝูง หรือพาครอบครัวออกท่องเที่ยวกัน เพื่อเป็นการพักผ่อนหย่อนใจหลังจากตรากตรำทำงานมาทั้งปี

ปีนี้จะเที่ยวไหนดีครับ

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จัดรายการนำเที่ยว “อีสานสุขสันต์ มหัศจรรย์ช้างสุรินทร์” เส้นทาง กรุงเทพฯ-สุรินทร์-นครราชสีมา-กรุงเทพฯ ระหว่างวันที่ 21-23 พฤศจิกายน 2551 เดินทางโดยรถปรับอากาศสุดหรู 32 ที่นั่ง ซึ่งจะเป็นปีที่ยิ่งใหญ่ที่สุด และนำชมเส้นทางวัฒนธรรมขอมโบราณ การแสดงวัฒนธรรมแสง สี เสียง การแสดงแบบแฟชั่นผ้าไหมสุรินทร์ที่ปราสาทศรีขรภูมิ ชมหมู่บ้านท่าสว่างทอผ้าไหมสุรินทร์ให้ราชวงศ์ทั่วโลก และสนุกสนานบรรยากาศเย็นสบายและกิจกรรมร่วมสนุกที่ปากช่อง
เสนอราคาขาย 7,800 บาท (กรณีพักคู่)/ ราคา 9,400 บาท (กรณีพักห้องเดี่ยว)/ ราคา 6,600 บาท (บุคคลที่ 3 นอนเตียงเสริม) และเด็กอายุไม่เกิน 4 ปี ไม่เสียค่าใช้จ่าย โดยพักและนั่งรวมกับผู้ปกครอง
ผู้ที่สนใจและประสงค์จะซื้อรายการนำเที่ยว กรุณาติดต่องานจำหน่ายและจัดเก็บรายได้ (ชั้น 1) การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เลขที่ 1600 ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ เขตราชเทวี กรุงเทพฯ 10400 โทร. 0 2250 5500 ต่อ 2105, และ 2115-9 (หรือ) ติดต่อซื้อบัตรได้ที่
1. สมาคมส่งเสริมธุรกิจท่องเที่ยวไทย โทร. 0 2918 5414, 0 2918 6067-8 โทรสาร 0 2918 9804
2.สมาคมผู้ประกอบการนำเที่ยวไทย โทร. 0 2998 0744 โทรสาร 0 2536 2862
3. สมาคมไทยท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และผจญภัย โทร. 0 2642 5465 โทรสาร 0 2642 5466
4. สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ โทร. 0 2270 1505-8 โทรสาร 0 2270 1509
กำหนดการรายการนำเที่ยว “อีสานสุขสันต์ มหัศจรรย์ช้างสุรินทร์”ระหว่างวันที่ 21 – 23 พฤศจิกายน 2551
วันศุกร์ที่ 21 พฤศจิกายน 2551
07.00 น. ออกเดินทางจาก กรุงเทพฯ ไป จังหวัดสุรินทร์
คณะเดินทางพร้อมกันที่สนามกีฬากองทัพบก ถนนวิภาวดีรังสิต เจ้าหน้าที่ ททท.ให้การต้อนรับและอำนวยความสะดวก
12.00 น. ถึงอำเภอนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์ รับประทานอาหารกลางวัน ณ ร้านลักษณาขาหมู
13.00 น. ออกเดินทางจากอำเภอนางรอง ไปวนอุทยานพนมสวาย อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์
14.40 น. ถึงวนอุทยานพนมสวาย ซึ่งเป็นที่ตั้งของวัดพนมสวาย ซึ่งบรรพบุรุษชาวสุรินทร์ถือว่าเป็นสถานที่แสวงบุญและเป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธสุรินทรมงคลปางประทานพร ตลอดจนอัฐิธาตุของหลวงปู่ดุลย์ อตุโล
15.10 น. ออกเดินทางจากวนอุทยานพนมสวาย ไป บ้านท่าสว่าง
15.45 น. ถึงบ้านท่าสว่าง ซึ่งเป็นกลุ่มทอผ้าไหมยกทองที่ได้รับคัดเลือกให้ทอผ้าไหมยกทอง สำหรับตัดเสื้อให้ผู้นำประเทศ APEC / ชมและเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ผ้าทอต่างๆ อาทิ ผ้าไหมยกทองที่มีความสวยงาม ตลอดจนชมการสาธิตการทอผ้าจากกลุ่มแม่บ้าน จันทร์ โสมา เป็นต้น (พร้อมกับชมการสาธิตการทำเครื่องเงินและเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ เครื่องเงินโดยช่างฝีมือจากหมู่บ้านเขวาสินรินทร์)
17.15 น. ออกเดินทางไป อำเภอศรีขรภูมิ
18.00 น. ถึงอำเภอศรีขรภูมิ รับประทานอาหารเย็น ณ เทศบาลตำบลระแงง
19.00 น. เยี่ยมชมปราสาทศรีขรภูมิ ซึ่งสันนิษฐานว่าถูกสร้างขึ้นในราวกลางศตวรรษที่ 17 หรือต้นสมัยนครวัด และชมการแสดงแบบผ้าไทยชุด “จากเส้นใยสู่ผืนผ้า จากภูมิปัญญาสู่อาภรณ์”
20.30 น. ออกเดินทางจากอำเภอศรีขรภูมิ ไป โรงแรมทองเพกา อำเภอปราสาท
21.00 น. เช็คอินเข้าที่พักโรงแรมทองเพกา
วันเสาร์ที่ 22 พฤศจิกายน 2551
06.00 น. รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรมทองเพกา
07.00 น. ออกเดินทางไปสนามแสดงช้างสุรินทร์ (check out/ ขนกระเป๋าและสัมภาระขึ้นรถ)
07.30 น. ถึงสนามแสดงช้าง (สนามกีฬาศรีณรงค์) ชมการแสดงช้าง เช่น การคล้องช้าง ขบวนช้างศึก และการแสดงศิลปวัฒนธรรม
11.30 น. ออกเดินทางไปรับประทานอาหารกลางวัน ณ ร้านสวนป่ารีสอร์ท
13.30 น. ออกเดินทางไปหมู่บ้านทำเครื่องปั้นดินเผาด่านเกวียน อำเภอโชคชัย จังหวัดนครราชสีมา
16.00 น. ถึงหมู่บ้านทำเครื่องปั้นดินเผาด่านเกวียน เลือกซื้อผลิตภัณฑ์ประเภท เครื่องปั้นดินเผานานาชนิด16.45 น.ออกเดินทางไปโรงแรมเขาใหญ่ฟ้าใส รีสอร์ท อำเภอปากช่อง
18.00 น. ถึงโรงแรมเขาใหญ่ฟ้าใส รีสอร์ท เข้าที่พัก
19.30 น. รับประทานอาหารค่ำ ณ โรงแรมเขาใหญ่ฟ้าใส รีสอร์ท พร้อมชมการแสดงคาวบอยไนท์ และรับฟังเพลงแบบสไตล์ Country
21.00 น. พักผ่อนตามอัธยาศัย
วันอาทิตย์ที่ 23 พฤศจิกายน 2551
08.30 น. รับประทานอาหารเช้า (นักท่องเที่ยวสามารถเลือกทำกิจกรรมขี่จักรยาน หรือว่ายน้ำ)
09.30 น. ออกเดินทางจากโรงแรมเขาใหญ่ฟ้าใส รีสอร์ท ไป ไร่องุ่น PB วัลเล่ย์
09.45 น. ถึง ไร่องุ่น PB วัลเล่ย์ ชมไร่องุ่นในพื้นที่ขนาดใหญ่ ซึ่งมีกรรมวิธีและขั้นตอนการบ่มไวน์องุ่นที่มีชื่อเสียงที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พร้อมชิมไวน์ นานาชนิดและเลือกซื้อผลิตภัณฑ์แปรรูปจากองุ่น เช่น พายองุ่น ไวน์องุ่น ฯลฯ
11.00 น. ออกเดินทางไปฟาร์มโชคชัย อำเภอปากช่อง
11.45 น. ถึงฟาร์มโชคชัย
12.00 น. รับประทานอาหารกลางวัน ณ ฟาร์มโชคชัย
13.30 น. สัมผัสทัศนียภาพอันงดงามของฟาร์มโชคชัยโดยขึ้นขบวนรถฟาร์มแทรกเตอร์ เพื่อชมกิจกรรมภายในบริเวณฟาร์ม เช่น การต้อนโคสไตล์คาวบอย การขี่ม้า และสุนัขต้อนแกะ เป็นต้น
14.30 น. ออกเดินทางไปไร่สุวรรณ ศูนย์วิจัยข้าวโพดและข้าวฟ่างแห่งชาติ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์15.00 น. ถึงไร่สุวรรณ ชมและเลือกซื้อผลผลิตทางการเกษตรนานาชนิด อาทิ ข้าวโพดต้มสด น้ำนมข้าวโพด น้ำองุ่น ท๊อฟฟี่องุ่น และผลิตภัณฑ์เกษตรแปรรูปอื่นๆ
15.30 น. ออกเดินทางกลับกรุงเทพฯ
17.30 น. ถึงกรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ
หมายเหตุ : -เสนอราคาขาย 7,800 บาทถ้วน (กรณีพักห้องคู่)-เสนอราคาขาย 9,400 บาทถ้วน (กรณีพักห้องเดี่ยว)-เสนอราคาขาย 6,600 บาทถ้วน (บุคลที่ 3 นอนเตียงเสริม)-เด็กอายุไม่เกิน 4 ปี ไม่เสียค่าใช้จ่าย โดยพักและนั่งรวมกับผู้ปกครอง-กำหนดการนี้อาจเปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมาะสม
อัตราค่าบริการนี้(รวม)-ค่ารถบัสปรับอากาศ-ค่าเข้าชมการแสดงงานช้างสุรินทร์-ค่าอาหาร 7 มื้อ และค่าที่พัก 2 คืน ตามที่ระบุในกำหนดการ-ค่าธรรมเนียมสถานที่ท่องเที่ยว/ ค่ามัคคุเทศก์บรรยาย-ค่าประกันอุบัติเหตุการเดินทาง
อัตราค่าบริการนี้(ไม่รวม)-ค่ามินิบาร์ในห้องพัก-ค่าใช้จ่ายส่วนตัวอื่นๆ นอกเหนือจากที่ระบุไว้
การชำระเงิน-ไม่มีการวางมัดจำ-การชำระเงินจะสมบูรณ์ต่อเมื่อมีการชำระเต็มราคาและได้รับการออกใบเสร็จจาก ททท.-ไม่มีการสำรองที่นั่งล่วงหน้า
การยกเลิกรายการนำเที่ยว-การยกเลิกรายการนำเที่ยว ภายใน 10 วัน ก่อนการเดินทาง ททท.จะเก็บค่าใช้จ่าย 50% ของราคาทัวร์-การยกเลิกรายการนำเที่ยว ภายใน 5 วัน ก่อนการเดินทาง ททท.จะไม่คืนค่าบริการทั้งหมด
> ดาวน์โหลดใบสมัคร

ททท. สำนักงานลพบุรี ขอเชิญร่วม “โครงการเที่ยวสนุกสุขใจ ใต้เงาอดีต” ระหว่างวันที่ 18 – 19 ตุลาคม 2551
จังหวัดสิงห์บุรี เป็นจังหวัดที่มีชื่อเสียงในด้านวัฒนธรรมอันล้ำค่า และประวัติศาสตร์ที่ทราบกันดีของถิ่นวีรชนคนกล้า ชาวบ้านบางระจัน ที่มีความกล้าหาญและเสียสละของวีรชน ทั้งเป็นแหล่งกำเนิดแม่ครัวหัวป่าในตำนานกับฝีมือการปรุงอาหารอันลือเรื่องจนถึงปัจจุบัน นับว่าจังหวัดสิงห์บุรีเป็นจังหวัดหนึ่งที่ควรแก่การเดินทางท่องเที่ยวสัมผัส เพื่อเยี่ยมเยือนวิถีชีวิตแหล่งกำเนินของประวัติศาสตร์ที่หลากหลายอย่างแท้จริง
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานลพบุรี ร่วมกับจังหวัดสิงห์บุรี และชมรมคนรักเมืองสิงห์ จัดกิจกรรมท่องเที่ยวภายใต้ “โครงการเที่ยวสุขใจ ใต้เงาอดีต” ในรูปแบบคาราวานอิ่มบุญ อิ่มท้อง ท่องเมืองสิงห์ และแรลลี่รักเมืองสิงห์ เยือนถิ่นวีรชนคนกล้า โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมให้นักท่องเที่ยวเดินทางท่องเที่ยวใกล้ๆ กรุงเทพฯ ในภาวะวิกฤติราคาน้ำมันแพง ซึ่งการท่องเที่ยวครั้งนี้เป็นการท่องเที่ยวที่มีแบบแผน เน้นคุณภาพ การปลูกจิตสำนึกในการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ร่วมรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม โดยมีรูปแบบกิจกรรมที่น่าสนใจดังนี้
*แรลลี่รักเมืองสิงห์ เยือนถิ่นวีรชนคนกล้า เช้าไป-เย็นกลับ วันที่ 19 ตุลาคม 2551
-เดินทางเองโดยรถยนต์ส่วนตัว พร้อมกันที่จุดปล่อยรถข้างสำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ถ.เพชรบุรีตัดใหม่ กรุงเทพฯ
เพียงท่านละ 450.- บาท เด็ก (อายุ 4-11 ปี) เพียงท่านละ 250 บาท
*คาราวานอิ่มบุญ อิ่มท้อง ท่องเมืองสิงห์ 2 วัน 1 คืน วันที่ 18 – 19 ตุลาคม 2551
-เดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัว นักท่องเที่ยวขับรถมาเอง มาพบ ณ จุดนัดหมายที่ จ.สิงห์บุรี
ผู้ใหญ่ราคาเพียงท่านละ 990.- บาท บุคคลที่ 3-4 (ในรถคันเดียวกัน) และเด็ก (อายุ 4-11 ปี) เพียงท่านละ 490.-บาท
-เดินทางโดยรถตู้ปรับอากาศ (พลังงานหารสิบ) ออกเดินทางจากกรุงเทพฯ ผู้ใหญ่ราคาเพียงท่านละ 1,600.-บาท เด็ก (อายุ 4 – 11 ปี) เพียงท่านละ 990.-บาท
ทุกท่านที่สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานลพบุรี โทร. 036 – 422768 – 9 ได้ทุกวันในเวลาราชการ หรือสอบถามรายละเอียดพร้อมสำรองบัตรได้ที่ Happiness Group โทร.0 2152 1477 – 8 , 0 2642 4426 – 8 , 0 2261 0730 – 2 , 0 2393 5855 (อัตโนมัติ)
Holidays
Holidays are not mentioned in the Bible except under negative circumstances, such as birthday parties where someone was killed. Holidays are also the best time to step away from business, enjoy our families and friends and recharge our batteries. Holidays are often accompanied by public ceremonies, such as parades and carnivals, and by religious observances; they may also be simply a time for relaxation. Holidays are opportunities to share time with the people you love.
Deep down however, when we stop for a moment and reflect as we often do on bank holidays, we all know that Labor Day is, in reality, meant to signify a time to recognize the achievement, struggle and determination of the working man and woman. Like many people, I love the idea of making a large assortment of Christmas cookies during the holidays, but I find it difficult to find the time to get it done. With holidays accounting for about 20 percent of a retailer's annual sales,.
Importance of Thanksgiving is the most important holiday of the year. Create Warm Memories with Holiday Traditions I remember just a handful of the Christmas presents I received as a child: My first Barbie doll with her skinny black sequined gown. The words holiday or vacation have related meanings in different English-speaking countries and continents, but will usually refer to one of the following activities or events: A general leave of absence from a regular occupation for rest or recreation A specific trip or journey for the purposes of recreation / tourism Official or unofficial observances of religious/national/cultural/other significance, often accompanied by celebrations or festivities (public/religious holiday).
Certain religious holidays may be of a more somber nature. When national holidays fall on a normal non-working day, such as a weekend, they will sometimes be carried over to the next working day. Accordingly, holiday companies charge higher prices, giving an incentive for parents to use their work vacation time in term time. Consecutive holidays are a string of holidays taken together without working days in between.

The winter holiday season is known as a period of time surrounding Christmas that was formed in order to embrace all cultural and religious celebration rather than only Christian celebrations. Traditional "holiday season" festivities are usually associated with winter, including snowflakes and wintry songs. Several secular holidays are observed, both internationally, and across multi-country regions, often in conjunction with organizations such as the United Nations.
Business opportunities generally offer their representatives generous savings on their personal purchases so you can shop for yourself and get gifts for others at discount.
Family separations can make the holidays bittersweet when loved ones are not present to share and spend time with each other. Family members and friends are more than likely lending you their ideas as well. Family support can greatly decrease the chances of holiday depression and other related abuses.
Real Holiday Season Holidays and the start of a new year inevitably make us think about how we can improve ourselves, and have the life we want in the future.
Traveling abroad for a vacation was a dream for many who did not have the leisure to pay all the money the vacation would cost. Instead of relaxing and unwinding from a busy year, the pressures of buying gifts, traveling or spending time with long lost relatives makes it a difficult time. Wherever you travel in the world for your angling holiday you will want to travel with a company that has years of experience behind it. Holidays are special for everyone as they offer the people a welcome break from the humdrum of daily life. Holidays are a big part of Free Country, USA, with holidays such as Mother's Day and Flag Day. Thriving Through the Holidays The holidays are upon us; a time of celebration and joy. Vacation or holidays are often used as a time to spend with friends or family. Consecutive holidays are a string of holidays taken together without working days in between. Several holidays are linked to faiths and religions.
Article by: Mark Breck



thank you Mark Breck Author Article



http://kreathapat.blogspot.com

วันพุธ

ประเพณีลอยกระทง

ออกพรรษาแล้ว ทำบุญตักบาตรเทโว เสร็จแล้วก็จะเข้าเทศกาลทอดกฐิน ซึ่งเป็นประเพณีของชาวพุทธสืบทอดกันมาอย่างยาวนาน ซึ่งการทำบุญทอดกฐินก็จะจัดกันหลังออกพรรษา เมื่อเสร็จจากทำบุญก็จะเป็นประเพณีลอยกระทงกัน วันนี้ก็ได้นำเอาประวัติความเป็นมาของประเพณีนี้มาเล่าสู่กันฟัง และขอขอบคุณการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยในบทความนี้ครับ
ประเพณีลอยกระทง เผาเทียน เล่นไฟ
ประวัติ / ความเป็นมา

ประเพณีลอยกระทงและเผาเทียนเล่นไฟ เป็นประเพณีเก่าแก่และมีประวัติความเป็นมาอันยาวนาน สันนิษฐานว่า อาจจะรับแบบอย่างมาจากอินเดีย เนื่องจากการรับอิทธิพลวัฒนธรรม เช่น ชาวอินเดียโบราณมีประเพณีบูชาแม่คงคาในฐานะเป็นแม่น้ำศักดิ์สิทธิ์ตามความเชื่อของชาวอินเดีย น้ำมีคุณอย่างใหญ่หลวงต่อชีวิต ช่วยชีวิตให้อยู่รอด และชาวอินเดียเรียกประเพณีนี้ว่า "จองเปรียง" นอกจากนี้ชาวอินเดียโบราณได้จัดพิธีบูชารอยพระพุทธบาท ซึ่งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำนัมทานทีเป็นประจำทุกปี และสุดท้ายชาวอินเดียทางภาคใต้มีการบูชาพระเป็นเจ้า ซึ่งปัจจุบันก็ยังปฏิบัติอยู่ ในราวเดือนตุลาคมหรือพฤศจิกายน โดยจัดเป็นขบวนแห่รูปหุ่นพระเป็นเจ้าตอนกลางคืนในขบวนจุดโคมไฟ และเทียนสว่างไสว แห่แหนไปตามถนนสายต่างๆ หลังจากนั้นก็นำขบวนมุ่งไปยังท่าน้ำที่กำหนดไว้ เพื่อทำพิธีบูชาและเฉลิมฉลอง แล้วก็ลอยรูปหุ่นพร้อมทั้งโคมไฟไปตามแม่น้ำ ประเพณีนี้เรียกว่า ทีปะวารี
ประเพณีของชาวอินเดียที่กล่าวข้างต้น สันนิษฐานว่าคงมีความเกี่ยวข้องถึงการลอยกระทงของไทย ซึ่งตั้งแต่โบราณก็มีประเพณีที่มีความคล้ายคลึงกันกับอินเดีย นั่นคือ นักขัตฤกษ์ลอยโคมไฟกลางน้ำ ประเพณีนี้จัดขึ้นในเดือน 12 ตกราวเดือนตุลาคม หรือเดือนพฤศจิกายน เช่นเดียวกับอินเดีย เพราะเป็นฤดูกาลที่น้ำเอ่อนองตามแม่น้ำลำคลองทั่วไป
ในสมัยสุโขทัย เดิมมีความเชื่อกันว่า ประชาชน นิยมจัดประเพณีลอยโคม ถือเป็นประเพณีที่ให้ความสนุกสนาน ตาม แม่น้ำทั่วไปเห็นแสงไฟระยิบระยับอยู่ทั่วไปยามราตรี พระร่วงเจ้าแผ่นดินแห่งกรุงสุโขทัย ได้เสด็จประพาสตามลำน้ำเพื่อทอดพระเนตรประเพณีดังกล่าว โดยมีอัครมเหสีและพระสนมฝ่ายในตามเสด็จมากมาย เมื่อนางนพมาศได้เข้ารับราชการในราชสำนักมียศเป็นท้าวศรีจุฬาลักษณ์ จึงได้คิดทำกระทงเป็นรูปดอกบัว เพื่อหวังจะเป็นเครื่องสักการะบูชารอยพระพุทธบาทที่แม่น้ำนัมทานที ตามที่เชื่อกันมา
ดังข้อความที่ปรากฏในตำรับท้าวศรีจุฬาลักษณ์ หรือตำรับทางนพมาศ ได้กล่าวว่า "พอถึงพระราชพิธีจองเปรียงในวันเพ็ญเดือน 12 เป็นวันนักขัตฤกษ์ชักโคมลอยโคม บรรดาประชาชนชายหญิงต่างตกแต่งโคม ชักโคม แขวนโคม ลอยโคมทุกตระกูลทั่วทั้งพระนคร แล้วชวนกันมาเล่นมหรสพสิ้นสามราตรีเป็นเยี่ยงอย่างแด่บรรดาข้าเฝ้าราชบุตรนั้น ต่างทำโคมประทีปบริวารวิจิตรด้วยลวดลาย วาดเขียนเป็นรูปและสัณฐานต่างๆ ประกวดกันมาชักแขวนเป็นระเบียบเรียงรายตามแนวโคมชัย เสาระหงตรงหน้าพระที่นั่งชลพิมาน ถวายสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวให้ทรงพระราชอุทิศสักการะบูชาพระเกศาธาตุจุฬามุณีในชั้นดาวดึงส์ฝ่ายสนมกำนัลทำโคมลอยด้วยบุปผาชาติเป็นรูปต่างๆ ประกวดกันถวายให้ทรงอุทิศบูชาพระบวรพุทธบาทซึ่งประดิษฐานยังนัมทานทีข้าน้อยก็กระทำโคมลอยคิดตกแต่งให้งามประหลาดกว่าโคมพระสนมกำนัลทั้งปวง
สมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี เมื่อแผ่นดินสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ มีการจัดพระราชพิธี
"จองเปรียงลดชุดลอยโคม" ดังระบุไว้ในนิราศธารโศก ของเจ้าฟ้ากุ้งว่า... " เดือนสิบสองถ่องแถวโคม แสงสว่างโพยมโสมนัสสา เรืองรุ่งกรุงอยุธยา วันทาแล้วไปเห็น "
ส่วนจดหมายเหตุราชทูตลังกาที่เข้ามาในสมัยพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ ก็ได้ระบุในราชพิธีดังกล่าว ความว่า
" ก่อนอรุณ มีข้าราชการไทยสองคนลงมาบอกราชทูตานุทูตว่า ในค่ำวันนั้นได้มีกระบวนแห่เสด็จพระราชดำเนินทางชลมาคร ในการพระราชพิธีฝ่ายศาสนา กระบวนเสด็จผ่านที่พักราชทูตมากระบวนพิธีที่ทูตานุทูตได้เป็นมีดังนี้ คือ ตามบรรดาริมน้ำทั้งสองฟากทุกวัด ต่างปักไม้ไผ่ลำยาวขึ้นเป็นเสาโนม์ ปลายไม้ลงมาผูกเชือกชักโคมต่างๆ ครั้นได้เวลาพระเจ้ากรุงศรีอยุธยาเสด็จโดยกระบวน พร้อมด้วยกรมพระราชวังบวรสถานมงคล สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ และเจ้าพระมหาอุปราช เรือทีเสด็จล้วนปิดทองมีกันยาดาดสี และผูกม่านในลำเรือปักเชิงทอง เงิน มีเทียนจุดตลอดลำ มีเรือข้าราชการ ล้วนแต่แต่งประทีปแห่นำตามเสด็จด้วยเป็นอันมาก ในพระราชพิธีนี้ยังมีโคมกระดาษทำเป็นรูปดอกบัวสีแดงบ้างสีขาวบ้าง มีเทียนจุดอยู่ในนั้น ปล่อยลอยตามลำน้ำลงมาเป็นอันมาก และมีรำบำดนตรีเล่นมาในเรือนั้นด้วย "
สมัยกรุงรัตนโกสินทร์ พิธีนี้ยังคงนิยมทำกันเป็นการใหญ่ มีหลักฐานปรากฏในพระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ ซึ่งเจ้าพระยาทิพากรวงศ์ (ขำ บุนนาค) กล่าวไว้ว่า "ครั้นมาถึงเดือน 12 ขึ้น 14 ค่ำ 15 ค่ำ แรมค่ำหนึ่ง พิธีจองเปรียงนั้นเดิมได้โปรดให้พระบรมวงศานุวงศ์ ฝ่ายหน้า ฝ่ายใน และข้าราชการที่มีกำลังพาหนะมากทำกระทงใหญ่ ผู้ถูกเกณฑ์ต่อเป็นถังบ้าง เป็นแพหยวกบ้าง กว้าง 8 ศอกบ้าง 9 ศอกบ้าง กระทงสูงตลอดยอด 10 - 11 ศอก ทำประกวดประชันกันต่างๆ ทำอย่างเขาพระสุเมรุทวีปทั้ง 4 บ้าง และทำเป็นกระจาดๆ ชั้นๆ บ้าง วิจิตรไปด้วยเครื่องสด คนทำก็นับร้อย คือในการลงทุนทำกระทงทั้งค่าเสียงคน และพระช่าง เบ็ดเสร็จก็ถึง 20 ชั่งบ้าง ย่อมกว่าบ้าง กระทงนั้น วัน 14 ค่ำ เครื่องเขียว 15 ค่ำเครื่องขาว วันแรมค่ำหนึ่งเครื่องแดงดอกไม้สดก็เลือกหาตามสีกระทง และมีจักรกลไกต่างกันทุกกระทง มีมโหรีขับร้องอยู่ในกระทงนั้นก็มีบ้าง เหลือที่พรรณาว่ากระทงนั้น ผู้นั้น ทำอย่างนั้นคิดดูการประกวดประชันจะเอาชนะกันคงวิเศษต่างๆ กัน
เรือมาดูกระทงตั้งแต่บ่าย หรือชักลากกระทงจึงไปเข้าที่ตั้งแต่บ่าย 5 โมง เรือเบียดเสียดสับสนกันหลีกไม่ค่อยไหวเป็นอัศจรรย์ เรือข้าราชการและราษฎรมาดูเต็มไปทั้งแม่น้ำ เวลาค่ำเสด็จลงพระตำหนักน้ำทรงลอยประทีป"
การทำกระทงใหญ่ในลักษณะดังกล่าวมานี้ น่าจะมีมาตั้งแต่รัชกาลที่ 1 จนถึงรัชกาลที่ 3 ครั้นมาถึงรัชกาลที่ 4 ทรงเห็นว่าเป็นการสิ้นเปลือง จึงโปรดให้ยกเลิกเสีย และโปรดให้พระบรมวงศานุวงศ์ทำเรือลอยพระประทีปแทนกระทงใหญ่ถวายองค์ละลำ เรียกว่า "เรือลอยพระประทีป" ต่อมารัชกาลที่ 5 และรัชกาลที่ 6 ได้ทรงฟื้นฟูพระราชพิธีนี้ขึ้นอีก ในปัจจุบันนี้การลอยพระประทีปของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงกระทำเป็นการส่วนพระองค์ตามพระราชอัธยาศัย แต่พิธีของชาวบ้านยังทำกันอยู่เป็นประจำ
สำหรับจังหวัดสุโขทัยมีการยึดถือปฏิบัติประเพณีลอยกระทงและเผาเทียนเล่นไฟมานานและนับว่ามีชื่อเสียงที่สุด ในฐานะทีเป็นสถานที่ต้นกำเนิดของประเพณีลอยกระทงเผาเทียนเล่นไฟ จึงมีการสืบทอดประเพณีตั้งแต่สมัยอดีตจนปัจจุบัน โดยมักจะอ้างถึงเรื่องราวในตำรับท้าวศรีจุฬาลักษณ์ แต่ทุกวันนี้ได้มีผู้ศึกษาและวิเคราะห์ถึงหลักฐานเอกสารดังกล่าวว่า ได้ถูกแต่งขึ้นในสมัยรัตนโกสินทร์ และเชื่อกันใหม่ว่า ไม่มีนางนพมาสในสมัยสุโขทัยด้วย ดังความคิดเห็นของผู้รู้หลายท่าน เช่น
1. พระยาอนุมานราชธน เชื่อว่า หนังสือเรื่องนางนพมาศ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชนิพนธ์
2. ศ.ดร.นิธิ เอียวศรีวงศ์ กล่าวว่า หนังสือเรื่องนางนพมาศ แต่งในระหว่าง พ.ศ.2360-2378 เป็นอย่างช้าที่สุด เป็นวรรณกรรมสมัยต้นรัตนโกสินทร์ ซึ่งมีลักษณะร่วมกับวรรณกรรมของยุคเดียวกันหลายประการ และทุกคนยอมรับว่าหนังสือนางนพมาศนั้นมีผู้แต่งเกิน 1 คน และอย่างน้อยมีเหตุผลที่น่าเชื่อว่ามีพระราชนิพนธ์พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าฯ ปนอยู่ไม่น้อย เพราะบางตอนของเรื่องเป็นการสะท้อนความเป็นราชสำนักพระนั่งเกล้าฯ ได้เป็นอย่างดี
3. ศ.ดร.ประเสริฐ ณ นคร อธิบายว่า "เรื่องนางนพมาศ มีข้อความที่แต่งในสมัยรัตนโกสินทร์ เช่นมีคำว่า อเมริกา (ซึ่งในสมัยสุโขทัยยังไม่มีใครรู้จักคำว่าอเมริกา) ดังนั้นตำรับท้าวศรีจุฬาลักษณ์ หรือตำรับนางนพมาศ จึงไม่เป็นวรรณกรรมในสมัยสุโขทัย และอีกประการหนึ่ง ในจารึกของพ่อขุนรามคำแหงมีคำว่า "เผาเทียน" "เล่นไฟ" แต่ไม่มีคำว่า "ลอยกระทง" และตลอดจนศิลาจารึกทั้งหมดของสุโขทัย ก็ไม่มีคำว่า "ลอยกระทง" ศ. ดร.ประเสริฐ ณ นคร ได้อธิบายว่า "การเผาเทียนเล่นไฟ สมัยพ่อขุนรามคำแหงมหาราช อาจเป็นเพียงการจุดเทียนและตะเกียงน้ำมัน จะมีพลุหรือไม่ในเมื่อมาร์โคโปโลรายงานไว้ว่า สมัยนั้นจีนมีดินปืนเป็นอาวุธแล้ว อย่างไรก็ดี จารึกหลักที่ 106 พ.ศ. 1927 กล่าวว่า พระศรีรัตนธาตุ กระทำปาฏิหารย์เหมือนท่านเล่นพันลุ (พลุ) เท่าลูกพันลับ (พลับ)"
ดังนั้น สมัยสุโขทัยเองก็คงจะมีเพียงการ "เผาเทียน" หรือ "เล่นไฟ" แต่ไม่ใช่ลอยกระทง และไม่มีนางนพมาศในสมัยสุโขทัย แต่อย่างไรก็ตาม การฟื้นฟูประเพณีที่ดีงามจะมีหรือไม่มีการลอยกระทงหรือนางนพมาศ ทางจังหวัดสุโขทัยก็ได้ริเริ่มการจัดงานลอยกระทงและเผาเทียนเล่นไฟขึ้นครั้งแรก เมื่อ พ.ศ. 2520 และได้รับความสำเร็จอย่างสูง และยังจัดอยู่ในปัจจุบัน
กำหนดงาน วันเพ็ญเดือน 12 (เดือนพฤศจิกายน) และจัดประมาณ 3 วัน สามารถตรวจสอบรายละเอียดได้ที่
www.tat.or.th/festival
กิจกรรม / พิธี

ในงานตอนกลางวันของวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 จัดให้มีขบวนแห่พนมหมาก พนมดอกไม้ ในเวลาบ่ายประมาณ14 นาฬิกา เป็นขบวนแห่กระทง และมีขบวนต่างๆ จากอำเภอในจังหวัดสุโขทัยมีนางนพมาศนั่งมากับกระทงด้วย มีสาวๆ ที่ถือพนมหมาก พนมดอกไม้ นั่งร่วมอยู่ด้วย
พนมหมาก และพนมดอกไม้นี้นำไปสักการะพ่อขุนรามคำแหงมหาราช ณ อนุสาวรีย์ของพระองค์ที่ประดิษฐานอยู่ในใจกลางเมืองเก่าสุโขทัย
สาวๆ ที่เข้าร่วมขบวนแห่ในวันนี้แต่งกายแบบชาวสุโขทัย เมื่อ 700 ปีก่อน ซึ่งก็ได้เค้ามาจากภาพปูนปั้นที่วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ กลางเมืองสุโขทัย
ขบวนแห่พนมหมาก พนมดอกไม้ นางนพมาศ และกระทงแห่แหนไปทั่วบริเวณเมืองเก่าสุโขทัย และหยุดขบวนเป็นจุดๆ เพื่อแสดงการฟ้อนหรือการละเล่นต่างๆ ให้ชมกัน
ขบวนแห่จบสิ้นลงราวๆ 16 นาฬิกา และผู้คนต่างเคลื่อนย้ายไปที่บริเวณอนุสาวรีย์ พ่อขุนรามคำแหงมหาราช เพื่อคอยชมระบำสุโขทัย เพื่อบวงสรวงพ่อขุน ในแต่ละปีจะใช้ผู้แสดงกว่า 700คน ตามอายุของเมืองสุโขทัย
เมื่อการบวงสรวงพ่อขุนเสร็จแล้ว เวลาประมาณ 17 นาฬิกา ผู้คนและนักท่องเที่ยวจะทยอยเข้ามาในเขตเมืองเก่า แล้วการลอยกระทงตามตระพังต่างๆ ก็เริ่มขึ้น ตลอดจนมีการแสดงแสงสีเสียง เรื่อง ราชธานีสุโขทัย เป็นความร่วมมือของกรมศิลปากร และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย มีผู้เสดงจำนวนนับร้อยมาร่วมเข้าฉากแสดงด้วย จำลองเหตุการณ์และบรรยากาศ เมื่อพระร่วงเจ้าเสด็จ ออกลอยพระประทีปฉากจบมีการจุดดอกไม้ไฟสว่างไสว มีการปล่อยโคมลอยของชาวเชียงใหม่ ลำพูน ภายในโคมลอยมีแสงไฟเรืองรองอยู่ด้วย มันค่อยๆ เลื่อนขึ้นสู่ท้องฟ้าสวยงามน่าประทับใจเป็นอย่างมาก

ขอบคุณข้อมูลจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
http://kreathapat.blogspot.com

วันจันทร์

การนอนกรนมีผลต่อสุขภาพอย่างไร(Snoring Sleep Apnea)

สำหรับงวดนี้มีเรื่องเกี่ยวกับสุขภาพมาฝากกันครับ เนื่องจากเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้คนเราส่วนมากจะนอนกรนกัน บางคนไม่นอนกรนก็ถือว่าดี แต่ท่านที่นอนกรนก็ควรอ่านไว้นะครับ ชุมชนนี้หลังจากทำงานหนักหรือเหนื่อยมาจากการทำงานอาบน้ำหัวถึงหมอนก็หลับเป็นตายตัวเองจะนอนกรนหรือไม่ไม่สามารถทราบได้ ต้องสอบถามคนใกล้เคียงจึงจะรู้ และก็ขอขอบคุณเจ้าของบทความจาก pooyingnaka เป็นอย่างสูง
นอนกรน Snoring Sleep Apnea
การนอนกรนส่งผลกระทบต่อสุขภาพอย่างไร
การนอนกรน ก่อปัญหาให้ทั้งผู้ที่มีอาการ และผู้ที่อยู่ใกล้ชิด คนนอนกรนเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลาย ๆ โรค เช่น โรคความดันโลหิต โรคหัวใจ โรคสมอง โรคอัมพฤกษ์อัมพาต โรคสมรรถภาพทางเพศเสื่อม โรคเบาหวาน โรคความจำเสื่อมถอย หลับในง่าย ปวดศีรษะตอนเช้า และขี้เซามากกว่าคนปกติ 2-3 เท่า ทำให้คนข้างเคียงนอนไม่หลับ หลับไม่สนิท เมื่อตื่นขึ้นมาก็รู้สึกอ่อนเพลีย หงุดหงิดง่าย ง่วงนอนบ่อย ๆ เหมือนคนอดนอน การนอนกรนนั้นส่งผลเสียต่อทั้งสุขภาพของตนเองและผู้อื่น ทำให้คนข้างเคียงหลับยาก ก่อความรำคาญ หลับไม่เป็นสุข
เสียงกรนมาจากไหนเกิดจาการอุดกั้นของทางเดินหายใจตั้งแต่จมูกลงไปถึงคอ ได้แก่ ลิ้นไก่ เพดานอ่อน โคนลิ้น ทอนซิลมีความหนา หรือโตขึ้น และไปกีดขวางทางเดินอากาศ ทำให้บริเวณทางเดินอากาศแคบลงในขณะหลับ และลิ้นตกลงด้านล่างซึ่งไปกดทางเดินอากาศทำให้ลมหายใจเข้าออกแรงกว่าปกติ เกิดการกระแทกกันของผนังคอ ส่งผลให้เกิดการสั่นสะเทือน
การนอนกรนแบ่งเป็น 3 ระดับ
ระดับที่ 1 คือ เป็นในขณะนอนหงาย เมื่อนอนตะแคงจะทำให้อาการดีขึ้น
ระดับที่ 2 คือ กรนในทุกท่านอนแม้กระทั่งนั่งหลับก็มีเสียงกรน
ระดับที่ 3 คือ มีการหายใจติดขัด หายใจสะดุด สำลักน้ำลายหรือ มีการหยุดหายใจเป็น ระยะ ๆ ส่งผลให้ตอนกลางวันง่วงนอนง่าย ขี้เซา หลับใน ซึ่งการกรนในระดับที่ 3 นั้นส่งผลให้เกิดโรคต่าง ๆ ตามมาดังกล่าวข้างต้น
การรักษาทำได้จากการรักษาโรคภูมิแพ้ ลดน้ำหนัก นอนตะแคง ควรงดสุรา บุหรี่ หลีกเลี่ยงการทำงานการออกกำลังกายที่ทำให้เหนื่อยล้าจนเกินไป งดยากล่อมประสาท งดยารักษาภูมิแพ้ ที่ทำให้ง่วงให้ใช้พลาสเตอร์ขยายปีกจมูก ใช้ฟันยางป้องกัน การนอนกรนใช้เครื่องช่วยหายใจซีแพพ (CPAP : Continuous Positive Airway Pressure) โดยแพทย์จะเป็นผู้แนะนำให้ท่านทราบ
ภูมิแพ้ทำให้นอนกรนจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ ทำให้ลมหายใจเข้าออกแรงขึ้น เนื่องจากน้ำมูก หรือเนื้อเยื่อภายในจมูกบวมขึ้นควรรักษาภูมิแพ้ให้ดี ปัจจุบันสามารถใช้เลเซอร์ หรือคลื่นวิทยุรักษาได้ ถ้าการรักษาทางยาไม่ได้ผล
เด็กนอนกรนเกิดจากสาเหตุใดเด็กนอนกรนเป็นเด็กขี้เซา หรือไม่สบาย การเรียนถดถอยมักเกิดจากต่อมทอนซิลโต ต่อมอะดีนอยด์โต ภูมิแพ้ อ้วน กระดูกบริเวณใบหน้าและคอผิดปกติ รักษาต่อมทอนซิลอักเสบ รักษาภูมิแพ้ทำให้อาการดีขึ้น การผ่าตัดต่อมทอนซิลในรายที่ใช้ยาไม่ได้ผล
เลเซอร์หรือ การผ่าตัดแพทย์จะช่วยแนะนำการผ่าตัด ในกรณีที่การปฏิบัติตัว หรือการรักษาวิธีธรรมดาไม่ได้ผล โดยจะช่วยขยายทางเดินหายใจผ่านแสงเลเซอร์ตกแต่งบริเวณเพดานอ่อนลิ้นไก่โคนลิ้น เยื่อบุจมูกให้มีขนาดพอเหมาะ ทำให้ลมหายใจเข้าออกดีขึ้นเพื่อลดการนอนกรน เมื่อผ่าตัดแล้วสามารถกลับบ้านได้ทันที แต่อาจมีอาการเจ็บแผล 1 สัปดาห์
คลื่นวิทยุรักษานอนกรนได้ (Radioferquency)คลื่นวิทยุจะทำให้เนื้อเยื่อบริเวณเพดานอ่อน ลิ้นไก่ โคนลิ้น ซึ่งเป็นบริเวณที่มีการสั่นเทือนเกิดการกระชับตัวและตึงตัวขึ้น ลดการนอนกรนลง เมื่อยังมีอาการนอนกรน สามารถรับการรักษาซ้ำ 2-3 ครั้ง ห่างกัน 1 เดือน เจ็บแผลเล็กน้อย 2-3 วัน ใช้เวลารักษา 15-20 นาที
การวางด้ายบริเวณเพดานอ่อน (Pillar Procedure)ด้ายทำให้บริเวณเพดานอ่อนตึงตัวลดการสั่นสะเทือน ลดการนอนกรน ช่องคอโล่งขึ้นลดการหยุดหายใจขณะหลับ ใช้เวลารักษา 15-20 นาที เจ็บแผลเล็กน้อย 2-3 วัน
เครื่องซีแพพ CPAP(Continuous positive airway pressure)เป็นเครื่องผลิตแรงดันอากาศให้เพียงพอในการเปิดทางเดินหายใจในขณะหายใจเข้า โดยส่งอากาศเข้าสู่ทางเดินหายใจผ่านทางหน้ากากครอบจมูก ประโยชน์ของ CPAP นอกจากขจัดปัญหาการขาดลมหายใจ ทำให้ร่างกายไม่ขาดออกซิเจน และมีคุณภาพการนอนดีขึ้น ยังช่วยลดปัญหาความง่วงนอนช่วงกลางวัน ลดอุบัติเหตุ และทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้นในทุกด้าน นอกจากนั้นยังลดปัญหาสืบเนื่องในระยะยาวจากการขาดอากาศเป็นระยะ ได้แก่ ความดันโลหิตสูง โรคเส้นเลือดตีบในสมอง และโรคหัวใจ รวมทั้งโรคเบาหวาน เครื่อง CPAP มีประสิทธิภาพเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ ในการรักษาปัญหาการขาดลมหายใจ แต่มีปัจจัยอื่นที่ทำให้ประสิทธิภาพลดลง เช่น ความร่วมมือในการใช้เครื่องของผู้ป่วย การเล็ดลอดของอากาศระหว่างการใช้ ความสะดวกของการใช้ ผลข้างเคียงของเครื่อง เช่น จมูกแห้ง การกดทับ ซึ่งแก้ปัญหาได้โดยการใช้เครื่องให้ความชื้น (Humidifier ) และ การสวมหน้ากากอย่างถูกวิธี รวมถึงการเลือกใช้หน้ากากที่เหมาะสมกับสรีระของใบหน้าผู้ใช้
» More symptoms Articles
· Excessive daytime sleepiness, which is falling asleep when you normally should not, such as while you are eating, talking, or driving.
· Waking with an unrefreshed feeling after sleep, having problems with memory and concentration, feeling tired, and experiencing personality changes.
· Morning or night headaches. About half of all people with sleep apnea report headaches.2
· Heartburn or a sour taste in the mouth at night.
· Swelling of the legs if you are obese.
· Getting up during the night to urinate (nocturia).
· Sweating and chest pain while you are sleeping.
Symptoms of sleep apnea that others may notice include:
· Episodes of not breathing (apnea), which may occur as few as 5 times an hour (mild apnea) to more than 50 times an hour (severe apnea). How many episodes you have determines how severe your sleep apnea is.
· Loud snoring. Almost all people who have sleep apnea snore, but not all people who snore have sleep apnea.
· Restless tossing and turning during sleep.
· Nighttime choking or gasping spells.
Older adults may normally have periods when they stop breathing during sleep, making it hard to know whether they have sleep apnea. Short lapses in breathing during sleep usually do not cause a large drop in the blood oxygen level.
Symptoms in children
In children, symptoms of sleep apnea depend on how old the child is:
· In children younger than 5, symptoms include snoring, mouth breathing, sweating, restlessness, and waking up a lot.
· In children 5 years and older, symptoms include snoring, bed wetting, doing poorly in school, and not growing as quickly as they should for their age. These children may also have behavior problems and a short attention span.
Children who have sleep apnea nearly always snore. But they may not appear to be excessively sleepy during the day (a key symptom in adults). The only symptom of sleep apnea in some children may be that they do not grow as quickly as they should for their age.
Although rare, in children sleep apnea can cause developmental delays and can cause the right side of the heart to get bigger (cor pulmonale).
Other conditions with symptoms similar to sleep apnea include an underactive thyroid (hypothyroidism) and other sleep disorders, such as suddenly falling asleep (narcolepsy) or an intense urge to move the legs (restless legs syndrome).
Author: Maria G. Essig, MS, ELS
Medical Review: Caroline S. Rhoads, MD - Internal Medicine Jan Ulfberg, MD, PhD - Sleep Disorders

http://kreathapat.blogspot.com

วันอาทิตย์

ยา ยา ยา มหัศจรรย์(wonderful thai medicine)

หลังจากทำงานมาเกือบครบปีแล้ว ท่านมีเวลาดูแลสุขภาพของตัวเองบ้างป่าว สุขภาพสำคัญนะครับและตอนนี้บางแห่งอากาศเริ่มเปลี่ยนแล้วนะครับแสดงให้ชุมชนนี้เห็นว่าใกลัจะได้เงินก้อนใหญ่อีกแล้ว555 Bonus ครับแต่อย่าหยุดถี่นะครับช่วงนี้กำลังถูกเพ่งเล็งนั่นแน่เบี้ยวอีกแล้ว วันนี้มีสาระมาฝากครับขอขอบคุณพี่ๆที่ส่งมาให้และเจ้าของตำรับยาด้วยครับ ชุมชนนี้ก็นำไปเผื่อแผ่ญาติพี่น้องดูนะครับเพราะยานี้คนเขียนเคยจัดให้พี่สาวที่เป็นอัมพฤกต์(ตัวชาหนึ่งข้าง ยาจากตำรา)ขณะนี้พี่สาวก็หายปกติแล้วจัดให้ประมาณ 15ชุดครับ โดยจดตัวยาเข้าร้านยาจีนแลย ขอแนะนำร้านยาจีนในกรุงเทพจะมีของครบ ส่วนต่างจังหวัดบางทีจะไม่ครบครับ มหาชัย แม่กลอง ก็มี เพราะยานี้จะเป็นยาหม้อ เอาไว้เมื่อค้นหาตำราเจอจะเอามาลงให้อ่านกันอีกครั้ง อ่านตำราด้านล่างจบอย่าลืมบอกต่อๆกันด้วยนะครับ
แค่ช่วยส่งต่อก็ได้บุญแล้ว
มีญาติที่เป็นเองแล้วคุณจะเข้าใจ!
สรรพคุณของพืขผักแต่ละชนิดว่ามีคุณประโยชน์ต่อการรักษาได้อย่างไรไว้ในหนังสือชื่อ “ ยามหัศจรรย์สำหรับคุณ “ เช่น
1. ปวดหัว กินปลามากๆ ทั้งปลาทะเล ปลาน้ำจืด น้ำมันจากปลามีสรรพคุณป้องกันการปวดหัว กินพร้อม ๆ กับขิง จะช่วยบรรเทาอาการปวดหัวลง
2. แพ้ละออง เป็นแพ้ทั้งฝุ่นและเกสรดอกไม้ ให้กินโยเกิร์ต หรือนมเปรี้ยว
3. โรคหัวใจ ดื่มชาเขียว เป็นประจำ สารในชาเขียวช่วยป้องกันไม่ให้ไขมันไปจับตัวตามผนังหลอดเลือด
4. โรคนอนไม่หลับ ดื่มน้ำผึ้ง เป็นประจำ สารในน้ำผึ้งมีฤทธิ์เป็นยากล่อมประสาททำให้นอนหลับฝันดี 5. โรคหืดหอบ กินหอม ต้นหอม หรือ หัวหอม ก็ได้มีตัวยาทำให้หลอดลมปลอดโปร่ง 6. โรคไขข้ออักเสบ กินปลาเท่านั้น แก้ไขเป็นปกติได้ ได้แก่ ปลาแซลมอน ปลาทูน่า (ปลาโอ) ปลาแมคเคอเรล ปลาซาดีนส์ ( ปลากระป๋อง ) น้ำมันปลาทำให้โรคไขข้ออักเสบบรรเทาลง
7. ท้องผูก ท้องอืด ให้กินกล้วย หรือ ขิง กล้วยทำให้ไม่ท้องผูก และขิงทำให้อาการคลื่นไส้ในตอนเช้าหายไป
8. ติดเชื้อในถุงกระเพาะปัสสาวะ ให้ กินน้ำคั้นจากลูกแคนเบอรี (ไม้เมืองหนาว) กรดเข้มข้นในลูกไม้ฆ่าแบคทีเรียได้
9.. โรคหงุดหงิด ฟุ้งซ่านโดยเฉพาะเกิดในผู้หญิงสูงอายุด้วย ให้กินข้าวโพดช่วยบรรเทาอาการเครียด วิตกกังวล และความคิดสับสนได้
10. โรคกระดูกพรุน ทั้งกระดูกเปราะและแตกง่าย แก้ไขได้โดยให้กินสับปะรด ซึ่งมีสารแมงกานีสอยู่มาก ช่วยให้กระดูกแข็งแรงได้
11. ความจำเสื่อม แก้ไขโดย กินหอยนางรม หอยแครงหรือหอยอื่น ๆ ซึ่งในเนื่อหอยมีสารสังกะสีช่วยบำรุงสมองได้ดี
12. เป็นหวัด กินกระเทียม ทำให้จมูกโปร่ง สมองโล่ง กระเทียมช่วยลดไขมันในเลือดได้อีกด้วย
13. ไอ จาม กินพริกแดง สารที่นำมาทำยาแก้ไอนั้นสกัดมาจากพริกแดง โดยเฉพาะรำข้าวกะหล่ำปลี ช่วยให้ร่างกายผลิตฮอร์โมนเพศหญิงเอสโตรเจนได้ในปริมาณที่เหมาะสม ข้อสำคัญอย่ากินไก่มาก เพราะใช้ฮอร์โมนเอสโตรเจนในการเร่งการเจริญเติบโต ช่วยให้อาการปั่นป่วนในท้องเมื่อเชื้อโรคบิดเล่นงานทุเลาลง ที่มีอยู่ในผลไม้ชนิดนี้ทำลายไขมันเลว “ คลอเลสเตอรอล “ ได้ ทำให้ระดับความดันเลือดลดลง ซึ่งมีอินซูลินทำให้น้ำตาลในเลือดสมดุลได้ พืชผักที่กินเป็นอาหารประจำวันนั้นนอกจากจะอิ่มท้องแล้วยังมีสรรพคุณช่วยสร้างความสมดุลภายในร่างกายช่วยป้องกันและรักษาโรคภัยไข้เจ็บชนิดต่างๆได้ถ้าได้เรียนรู้ที่จะรู้จักเลือกกินให้เหมาะกับตนเอง โดยเฉพาะพืชสมุนไพรไทยนั้นนับเป็นหนึ่งในความภาคภูมิใจของคนไทยเป็นภูมิปัญ ญาชาวบ้านในท้องถิ่นอันควรปกป้องหวงแหนและอนุรักษ์ไว้ให้เป็นมรดกแก่ลูกหลาน ไทยขอให้ช่วยกันป้องกันไม่ให้ตกไปอยู่ในมือของคนต่างชาติที่จ้องฉกฉวยผลประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติของ เราไปเป็นของตนทุกวิถีทาง ดังนั้นอนุชนรุ่นหลังจึงควรที่จะได้นำมาศึกษา ค้นคว้า และคิดค้นตามแนวทางที่บรรพบุรุษของเราท่านได้วางพื้นฐานไว้ให้เพื่อนำมาใช้ ให้เป็นประโยชน์ในด้านโภชนาการของคนไทยต่อไป.
14. มะเร็งเต้านม กินข้าวสาลี รำข้าว และกะหล่ำปลีจะช่วยป้องกันได้ดี
15. มะเร็งปอด กินส้ม และ ผักใบเขียว มีวิตามินเอ อยู่มากจะช่วยป้องกันการก่อพิษของสารเบต้าแคโรทีน 16 แผลในกระเพาะอาหาร กินกะหล่ำปลี ซึ่งมีสารเคมีช่วยทำให้แผลเรื้อรังในกระเพาะอาหาร และลำไส้เล็กหายขาดได้
17. โรคท้องร่วง กินแอปเปิ้ลสดทั้งเปลือก
18. เส้นเลือดตีบ กินผลอโวคาโด แก้ได้เพราะไขมันดี “โมโรอันแซตเทอเรต“
19. ความดันโลหิตสูง กินผลโอลีฟ และผักขึ้นฉ่ายพืชทั้งสองชนิดนี้มีสารเคมี
20. น้ำตาลในเลือดไม่สมดุล กินผักบร็อกโรลี่ และถั่วลิสง คุณประโยชน์ของพืชสมุนไพร
อาการของการเกิดมะเร็งในอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกาย
1. มะเร็งปากมดลูก อาการ มีเลือดออกจากช่องคลอดทั้ง ๆ ที่ไม่ใช่เวลารอบเดือนปกติของคุณ อาการเจ็บปวดและมีเลือดออกหลังจากมีเพศสัมพันธ์ หากพบว่ามีสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น การตรวจโดยขูด เนื้อเยื่อจากบริเวณดังกล่าวไปตรวจด้วยกล้องจุลทรรศน์จะรู้ได้ มีก้อนบวมในทันทีทำให้รู้สึกว่ากลืนอาหารได้ลำบากหรือมีการขยายตัวของต่อมใน ลำคอที่โตขึ้นจนสามารถจับและรู้สึกได้ อาการน้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็วอาเจียนออกมาเป็นเลือดท้องอืดหรืออาหารไม่ย่อย บ่อย รู้สึกเหมือนมีก้อนเนื้องอกในช่องท้องหรือรู้สึกตื้อ แม้เพิ่งจะรับประทานอาหารไปได้ไม่กี่คำ
2. มะเร็งในมดลูก อาการ มีเลือดออกหลังการมีเพศสัมพันธ์ หรือบางครั้งอาจมีความรู้สึกว่ามีก้อนเนื้อหรือมีอาการบวมในช่องท้อ
3. มะเร็งรังไข่ อาการ ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอหรือการมีอาการเจ็บปวดหลังการมีเพศสัมพันธ์ มีปัญหาเกี่ยวกับลำไส้อาการท้องอืดอาหารไม่ย่อย น้ำหนักลดและมีอาการ ปวดหลัง
4. มะเร็งในเม็ดเลือด (ลูคีเมีย) อาการเหนื่อยง่ายและมีอาการซีดเซียวกว่าปกติมักเกิดอาการฟกช้ำดำเขียว หรือมีเลือดออกทางผิวหนังได้ง่ายโดยไม่ทราบสาเหตุและมักจะเกิดร่วมกับอาหารปวดตามข้อต่าง ๆ ทั่วร่างกายบางครั้งจะท้องอืดและเมื่อคลำดูจะพบว่ามีก้อนบวมที่ด้านซ้ายของช่องท้อง
5. มะเร็งปอด อาการ มักมีอาการไอบ่อย ๆ มีเลือดออกและมีเสมหะปนมากับน้ำลายน้ำหนักลดอย่างฮวบฮาบ เจ็บหน้าอกและหายใจลำบากหรืออาจมีอาการหอบปนอยู่ด้วยทั้ง ๆที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
6. มะเร็งตับ อาการ ปวดในช่องท้อง เบื่ออาหาร น้ำหนักลดตาและผิวเป็นสีออกเหลืองและเหลืองจัดจนเห็นได้ชัด
7. มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ อาการ มีเลือดปนออกมากับปัสสาวะ
8. มะเร็งสมอง อาการ ปวดศีรษะนาน ๆ และมักมีอาการอื่นร่วมด้วยเช่นอาเจียนหรือการผิดปกติของการมองเห็น ตาพร่า และเห็นแสงเขียว ๆ แดง ๆ ลอยไปมาเวลาปวดศีรษะ อ่อนเพลียไม่มีแรง หรือ การเป็นลมโดยกะทันหันอวัยวะบางส่วนของร่างกายหยุดทำงานเช่นมีอาการชาและเป็นอัมพาตชั่วคราว ควรให้ความระวังเป็นพิเศษหากคุณเคยมีประวัติการปวดหัวที่มีอาการเหล่านี้ประกอบอยู่ด้วย
9. มะเร็งในช่องปาก อาการ มีก้อนบวมอยู่ในปาก หรือทีลิ้นเป็นเวลานานมีแผลเปื่อยที่ปากที่ไม่ได้รับการรักษาหรือเป็นแผลเรื้อรังที่เหงือกเนื่องจากการกดทับของฟันปลอมที่ใส่ไว้ประจำหรือเป็นเวลานาน
10. มะเร็งในลำคอ อาการ เสียงแหบพร่าไปทันที
11. มะเร็งในกระเพาะอาหาร
12. มะเร็งทรวงอก - ไปที่ร้านยาจีน ซื้อหัวเตย 1 ตำลึง หัวขิง 1ตำลึง ก้อนเกลือ 3 ก้อน นำมารวมกันแล้วแช่น้ำทิ้งไว้ 1 วัน ในน้ำ 1 ชาม จากนั้นให้ดื่มจนหมดชาม สรรพคุณในการรักษา - หลังจากดื่มยานี้แล้วควรดื่มน้ำตามมาก ๆ นำส่วนที่เหลือมารับประทาน ยานี้จะขับเอาของเสียออกทางอุจจาระหรือปัสสาวะไม่ต้องตกใจ เป็นการขับของเสียออกหมดแล้วจะปกติ อาการมีเลือดหรือของเหลวบางอย่างไหลออกมาจากหัวนมบวมหรือผิวเนื้อทรวงอกหนาขึ้นมีก้อนบวมจนจับได้เมื่อคลำบริเวณใต้รักแร้ บางครั้งอาจมีตุ่มหรือสิวเกิดขึ้นที่เต้านมเป็นเวลานานควรระวังเพราะผู้หญิง 9 ใน 10 คนจะมีอาการบวมของก้อนเนื้อบริเวณทรวงอก โดยไม่ทราบสาเหตุเมื่อมีอายุมากขึ้น เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนทำให้เกิดเป็นถุงน้ำใต้ผิวหนังที่เรียกว่าซีสต์ ซึ่งควรต้องค้นหาสาเหตุของอาการบวมนั้นให้ชัดเจนเสียก่อนว่าคืออะไรกันแน่
13. มะเร็งลำไส้ อาการ น้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็วมีอาการปวดท้องอย่างมากและระบบการย่อยผิดปกติมีเลือดออกปนมากับอุจจาระ ****ซึ่งมีวิธีสังเกตของผู้ที่มีอาการเกี่ยวกับริดสีดวงทวารอยู่แล้วคือถ้าใ ช้กระดาษทิชชูซับแล้วเลือดมีสีแดงสดนั่นคือ อาการของริดสีดวงทวารแต่ถ้าเลือดมีสีดำคล้ำนั่นคือ อาการของโรคมะเร็งในลำไส้
14. มะเร็งต่อมน้ำเหลือง อาการมีก้อนบวมเกิดขึ้นที่ใต้รักแร้หรือใต้ขาหนีบโดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าไม่ได้ เกิดอาการติดเชื้อในบางส่วนของร่างกาย
15. มะเร็งผิวหนัง อาการมีแผลหรือแผลเปื่อยพุพองที่ไม่ได้รับการรักษาอยู่เป็นเวลานานตลอดจนไฝหรือหูดที่โตขึ้นและมีการเปลี่ยนสีหรือรูปร่าง ขนาด นอกจากนี้อาการอันตรายอีกอย่างหนึ่งที่ เรียกว่าเมลาโนมา (Melanoma)คือเนื้องอกที่ประกอบด้วยเซลล์ที่มีเมลานินสะสมอยู่ เช่น กระจุดด่างหรือไฝถ้าคุณมีไฝมากกว่า 50 เม็ด ทั่วร่างกายหรือมีคนในครอบครัวที่มีประวัติว่าเคยเป็นโรคนี้มาก่อนคุณจะมีอัตราเสี่ยงสูงกว่าคนอื่นๆ ขอให้ท่านนำเรื่องนี้ไปบอกต่อเป็นวิทยาทาน ท่านจะโชคดีมีความสุขตลอดกาล ตำรานี้ใช้แก้โรคมะเร็งผู้เป็นมะเร็งจะหายโดยไม่คาดคิด สำหรับมะเร็งจะหายภายใน 6 วัน วิธีรักษา ----------------------------------------------------------------- ***ตำรานี้ห้ามซื้อขาย หรือคิดเป็นเงินค่ารักษา และขออย่าได้เก็บไว้เป็นส่วนตัวโดยเด็ดขาด หากท่านผู้อื่นรับทราบด้วยใจศรัทธาและกุศลจิตของท่าน ท่านและครอบครัวจะประสบแต่ความสุข ความสมหวังทุกประการ

http://kreathapat.blogspot.com